เพราะเราจะเป็นองุ่นเหมือนกันไม่ได้! ทฤษฎีพวงองุ่น ปั้นจุดต่างให้โดดเด่น
.
การเพิ่ม Value ให้สตาร์ทอัพต้องเริ่มจากการมองหา ”จุดแตกต่าง” ที่ทำให้สตาร์ทอัพของเราโดดเด่นเหนือคู่แข่ง หรือเปรียบเทียบง่ายๆ ให้พวงองุ่นเป็นสตาร์ทอัพ แต่ละพวงก็จะมีลูกองุ่นขนาดใกล้เคียงกัน สีเหมือนกัน รสชาติคล้ายๆ กัน ก็เหมือนกับการที่สตาร์ทอัพหลายรายอาจมีแนวทาง กลุ่มเป้าหมาย กลยุทธ์ จุดเด่นที่คล้ายคลึงกัน เมื่ออยู่ในที่เดียวกันก็อาจเติบโตและเป็นจุดเด่นได้ยากขึ้น
.
แต่ถ้ามีลูกองุ่นที่สีไม่เหมือนกัน รสชาติแตกต่างกันในแต่ละลูก เหมือนกับสตาร์ทอัพที่สร้างและนำเสนอจุดเด่นของตนเองในแบบที่ไม่เหมือนใคร จะเป็นการสร้างคุณค่าด้วยความแตกต่าง ชูจุดเด่นที่มีด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ ทำให้สตาร์ทอัพโดดเด่นเหนือคู่แข่ง เพิ่มโอกาสเติบโต เพิ่มรายได้ให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
.
พี่ภูมิ – ภูมิศาสตร์ รุจีรไพบูลย์ Managing Director of 88 SANDBOX จะเล่าเทคนิคง่ายๆ ที่สตาร์ทอัพจะใช้หาจุดแตกต่างให้ธุรกิจตัวเอง พร้อมแล้วมาดูกัน!
.
1.เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
.
– วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
เป็นการสำรวจว่ากลุ่มเป้าหมายของตนเองมีข้อมูลสำคัญ เช่น อายุ, เพศ, รายได้, การศึกษา และอาชีพเป็นอย่างไร เพื่อดูแนวโน้มธุรกิจว่าเหมาะกับคนกลุ่มที่เรากำลังต้องการอยู่หรือไม่ หรือไอเดียที่มีอยู่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่ หากรู้ว่าไม่ใช่หรือไม่ตอบโจทย์ ก็สามารถปรับแก้ไขได้ในทันที
.
– ถาม Feedback ลูกค้าเสมอ
ด้วยการเข้าไปเก็บข้อมูล รีวิว แบบสอบถาม หรือรับฟังข้อเสนอแนะจากลูกค้า ที่มีต่อไอเดีย สินค้าหรือบริการของธุรกิจเรา ว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับใด เป็นการ Emphaty ต่อลูกค้าในทุกมิติ เพื่อให้ได้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจให้ได้มากที่สุด
.
2.เสนอ Solution ที่แตกต่าง
.
– ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ
สตาร์ทอัพในยุคนี้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี เช่น AI, Chatbot ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งข้อได้เปรียบตรงนี้สามารถนำมาต่อยอดและพัฒนาไอเดียให้ธุรกิจได้เสมอ สตาร์ทอัพจึงควรนำนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้คน และตอบโจทย์ Painpoint ได้อย่างรวดเร็ว
.
– จับมือกับ Partner ที่มีศักยภาพ
สตาร์ทอัพควรมองหาโอกาสใหม่ ๆ ตลอดเวลา การได้สนับสนุนจากนักลงทุน หรือผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาช่วยเหลือธุรกิจของเรา โดยเฉพาะการมองหา Partner ที่แข็งแกร่งมาจับมือร่วมกันพัฒนาธุรกิจ ถือเป็นข้อดีที่จะช่วยให้ธุรกิจแตกต่างเหนือจากคู่แข่งได้ เพราะทำให้ธุรกิจได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุน ความรู้ ไปจนถึงด้านกำลังคนที่มีศักยภาพด้วยเช่นกัน
.
3.สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ
.
– First Impression ต้องดี
First Impression สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพมาก เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่จะชี้ขาดว่าลูกค้าควรสนับสนุนธุรกิจของเราหรือไม่ จึงต้องพัฒนา Solution ที่จะตอบสนองลูกค้าได้อย่างน่าสนใจ เช่น มีระบบให้คำปรึกษาหรือแนะนำสำหรับลูกค้า หรือนำเสนอสิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับสมาชิกของธุรกิจโดยเฉพาะ
ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจของเรามากขึ้น
.
– ต้องทำให้เกิดการบอกปากต่อปาก
เมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้สินค้าหรือได้รับบริการ แล้วเกิดความประทับใจหรือชื่นชอบในธุรกิจของเรา สตาร์ทอัพควรสร้างการรับรู้ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เช่น กิจกรรม CRM เพิ่มการมีส่วนร่วมกับชุมชน หรือ ใช้ Word of Mouth ที่สร้างการรับรู้แบบปากต่อปากของลูกค้า ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก แต่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักได้รวดเร็ว
.
4.ย้ำคุณค่าของแบรนด์
.
– Branding ต้องดึงดูด
Branding ที่โดดเด่น จะดึงดูดลูกค้าให้จดจำและสนใจในธุรกิจของเรามากยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบ Logo และ Mood & Tone ที่จะช่วยสื่อสารถึงธุรกิจของเราได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงการใช้โทนสี ตัวอักษร ให้เหมาะสมกับธุรกิจและแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย
.
– Core Value ต้องชัดเจน
สตาร์ทอัพที่นำเสนอจุดยืนหรือ Core Value ของธุรกิจได้อย่างชัดเจน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างการรับรู้ไปยังลูกค้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น ธุรกิจที่ชูจุดเด่นด้านความยั่งยืน จะต้องนำเสนอ Solution ที่ลดการสร้างมลภาวะให้สิ่งแวดล้อม หรือพัฒนาสินค้าหรือบริการที่ส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
.
การสร้างความแตกต่างด้วย Value คือกุญแจสำคัญ นอกจากจะทำให้สตาร์ทอัพสามารถดึงดูดลูกค้าได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยต่อยอดโอกาสในการเติบโต ผ่านการพัฒนา Tech ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ Painpoint ของลูกค้าในอนาคต และสร้างประสบการณ์ในการรับรู้และเข้าถึงแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย
.
#88SANDBOX #Value #Proposition #Startup