88 SANDBOX พามาทำความรู้จัก T-R-E-N-D เพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ! 5 เทรนด์ที่ทุกคนต้องรู้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจ สรรค์สร้างนวัตกรรมและการเรียนรู้ใหม่ๆ เป็นประโยชน์กับคนรุ่นใหม่ในอนาคต

.

เมื่อโลกกำลังหมุนไปข้างหน้าด้วยความเร็วดั่งแสง ในฐานะผู้ที่อยากจะริเร่ิมทำธุรกิจ เราจะทำอย่างไรให้สินค้าและบริการของเราตอบโจทย์โลกอนาคตอย่างแท้จริง หรือนั่นก็คือ “การจับเทรนด์” เพื่อให้สามารถต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต และสามารถประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้อย่างไม่ยากนั่นเอง พี่ภูมิ – ภูมิศาสตร์ รุจีรไพบูลย์ Managing Director of 88 SANDBOX จะมาแนะนำหลัก T-R-E-N-D ง่าย ๆ ที่จะทำให้ทุกคนเห็นภาพว่า “ธุรกิจที่ดี” แห่งอนาคตนั้นเป็นอย่างไร

.

T – Technology 

ใช้เทคโนโลยีในการสรรค์สร้างนวัตกรรมให้ตอบโจทย์โลกอนาคต ซึ่งเทรนด์เทคโนโลยีที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจอย่างแพร่หลาย และมีศักยภาพในการต่อยอดในอนาคต เช่น 

– AI  ตัวช่วยประมวลผลจากข้อมูลอย่างเป็นระบบ รับหน้าที่เป็น Second-brain ให้กับเรา 

– Blockchain เก็บข้อมูลและเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ 

– Robotic/Drone เป็นตัวทุ่นแรง ช่วยเหลือให้เข้าถึงพื้นที่ซึ่งเข้าถึงยาก เป็นแรงงานที่มีความแม่นยํา สม่ำเสมอ รวดเร็ว และช่วยร่นกระบวนการให้เร็วขึ้น

– Nano เป็นนวัตกรรมการสร้างวัสดุแบบพิเศษ เน้นไปที่การเพิ่มปรับขยายภายในวัสดุ ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

– Biotech นำสิ่งมีชีวิตหรือชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตประยุกต์ใช้ในกระบวนการ ซึ่งมีบทบาทสําคัญในด้านเภสัชกรรม พันธุวิศวกรรม และการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม 

.

R – Resource

เมื่อทรัพยากรโลกถูกใช้จนค่อย ๆ ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ธุรกิจแห่งอนาคตจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ด้วยหลักดังต่อไปนี้

– Sustainability ปรับใช้วิธีคิดแบบยั่งยืน ทำให้สินค้าและบริการธุรกิจ “รักษ์โลก” คงอยู่ได้โดยที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

– Circular Economy เศรษฐกิจหมุนเวียน เมื่อเทรนด์ความยั่งยืนกำลังมา ธุรกิจก็ต้องใช้ทรัพยากรของโลกใบนี้อย่างคุ้มค่า 

.

E – Emerging Economy 

รู้หรือไม่? เศรษฐกิจโลกจะโต 2 เท่าในปี 2050! สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะทำธุรกิจสตาร์ทอัพ การจับตามองประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดไอเดียและการต่อยอดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ E7 ได้แก่ จีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย,​ บราซิล, รัสเซีย, เม็กซิโก และตุรกี

.

N – New Mega City 

เมื่อทั่วโลกเกิดการขยายตัวของเมืองและการย้ายถิ่นฐาน จึงเกิดเป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจที่จะเข้ามารองรับปัญหาของ Mega City ในด้านต่าง ๆ เช่น

– Economy and Affordability ความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจและการเข้าถึงทรัพยากรเพิ่มขึ้น

– Traffic and Mobility การเดินทางที่ติดขัดมากขึ้นจากความหนาแน่นของประชากร

– Housing ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นจากพื้นที่ที่น้อยลง

– Pollution ปัญหามลพิษอันเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนของประชากร 

– Health and Lifestyle 

.

D – Demography

ยิ่งหลากหลาย ยิ่งต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายว่าพวกเขาคือใคร ตามหลัก 5S Economy เพื่อโอบรับความหลากหลายในอนาคต อันได้แก่ 

– Sex Pluralism Economy เมื่อโลกมีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ทำให้ต้องเข้าใจความเฉพาะมากขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้สามารถออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนทุกเพศได้อย่างทั่วถึง 

– SHEconomy เมื่อผู้หญิงมีบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้น มีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สินค้าและบริการจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์กลุ่มเพศหญิงมากยิ่งขึ้น 

– Solo Economy เศรษฐกิจคนโสด ของใช้ไม่ต้องใหญ่ เพราะใคร ๆ ก็อยู่คนเดียว กำลังเป็นเทรนด์มาแรง ดังนั้นจึงต้องมีสินค้าหรือบริการเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวมากขึ้น 

– Super 120 Economy เมื่อคนเข้าสู่วัยสูงอายุช้าลงเรื่อย ๆ อายุ 60 ก็นับว่ายังแจ๋ว อนาคตคนอาจมีอายุยืนยาวถึง 120 ปีเลยทีเดียว เราจะออกแบบสินค้าและบริการให้คนกลุ่มนี้อย่างไร? 

– Skill Gap Economy ช่องว่างทางเศรษฐกิจของทักษะ คนเราเข้าถึงทักษะต่าง ๆ ได้มากขึ้นก็จริง ความต่างระหว่างทักษะก็เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

.

ที่มา: ภูมิศาสตร์ รุจีรไพบูลย์ Managing Director of 88 SANDBOX