🤝 Startup Equity แบ่งหุ้นยังไง ให้สตาร์ทอัพไปรอด! ✨
.
💰สตาร์ทอัพส่วนใหญ่ได้รับเงินทุนในการเริ่มต้นธุรกิจจากผู้ก่อตั้ง (Founder) และผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founder) เมื่อธุรกิจเกิดรายได้และต้องการต่อยอดการเติบโต จึงมีการแบ่งหุ้นสตาร์ทอัพเพื่อแบ่งความรับผิดชอบ กระจายความเสี่ยงธุรกิจ และดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในธุรกิจของเรามากขึ้น
.
การจัดสรรหุ้นที่เหมาะสมและเป็นธรรมให้กับสมาชิกในทีม จะช่วยสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตของธุรกิจ ดึงดูดนักลงทุนที่มีความสนใจ และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสำเร็จของสตาร์ทอัพในระยะยาว ⭐
.
สตาร์ทอัพจะมีเทคนิคในการแบ่งหุ้นอย่างไรให้ธุรกิจอยู่รอด 💜88 SANDBOX สรุปมาให้แล้ว
.
🤩Simple as Possible สร้างกลไกให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.
การก่อตั้งทีมสตาร์ทอัพ มาจากการรวบรวมคนที่มีทักษะแตกต่างกัน แต่จะต้องมีหนึ่งคนที่เป็นต้นคิดไอเดีย (Original Idea) ทำหน้าที่เป็น CEO หรือมีอำนาจในการตัดสินใจในธุรกิจ ส่วนมากอาจก่อตั้งขึ้นโดยมีสมาชิก 1-2 คน แต่ไม่ควรเกิน 4 คน เนื่องจากหากมีจำนวนมากเกินไปจะทำให้ตัดสินใจได้ยาก
.
ซึ่งการแบ่งหุ้นในช่วงแรก สตาร์ทอัพต้องประเมิน Value และ Contribution ของผู้ร่วมก่อตั้งแต่ละคนเพื่อแบ่งหุ้นในสัดส่วนที่แตกต่างกันตามเงินลงทุนต่อธุรกิจ ความเชี่ยวชาญ ทักษะที่จำเป็น ความทุ่มเท และการหาเครือข่ายนักธุรกิจและนักลงทุน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดผู้ที่ถือหุ้นเท่ากัน แต่ทำงานน้อยกว่าสมาชิกในทีม เป็นต้น
.
ซึ่งสตาร์ทอัพสามารถประเมินการแบ่งหุ้นให้สมาชิกผู้ก่อตั้งตาม Value และ Contribution โดยใช้โมเดล The Founder’s Pie Calculator 🥧ที่มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่
.
1.ไอเดีย – แนวคิดตั้งต้น จุดกำเนิดของธุรกิจที่เกิดจากผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ
2.ความรู้ด้านธุรกิจ – การสร้างรายได้ และมองหาแหล่งเงินทุนให้กับสตาร์ทอัพ
3.ความเชี่ยวชาญในสาขา – การออกแบบและพัฒนา รวมถึงต่อยอดไอเดียของธุรกิจ
4.ความทุ่มเทและความเสี่ยง – มีสมาชิกเป็น Key Person คนสำคัญ ขาดไปไม่ได้
5.ความรับผิดชอบ – ผู้ที่มีบทบาทในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด
.
❓Know what are you doing สำรวจความต้องการของธุรกิจตนเอง
.
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของสตาร์ทอัพคือ จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในพื้นฐานของการทำสตาร์ทอัพต่างๆ เพื่อลดการเสียเปรียบและอุดช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ และต้องหมั่นสังเกตธุรกิจอย่างสม่ำเสมอว่า จะมีแผนการพัฒนาในอนาคตหรือเป้าหมายที่วางไว้ในรูปแบบใด
.
รวมถึงการขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพของเราแตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ และมองโอกาสในการต่อยอดธุรกิจว่า หากต้องการเติบโตจะต้องเพิ่มเงินทุน กำลังคน หรือนำเข้าเทคโนโลยี เพื่อให้พัฒนาธุรกิจของเราได้อย่างตรงจุด
.
💪Do not get power hungry ยอมแบ่งหุ้นหรือสูญเสียอำนาจบางส่วน
.
การได้มาซึ่งสิ่งหนึ่งของธุรกิจ อาจต้องยอมสูญเสียอีกสิ่งหนึ่งเพือแลกไป เช่นเดียวกันกับการลงทุน หากนักลงทุนสนับสนุนเงินทุน หาเครือข่ายนักลงทุน และให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ สตาร์ทอัพอาจต้องยอมแลกกับการสูญเสียการควบคุม (Control) การเป็นเจ้าของ (Ownership) ไปพร้อมกับการลดสัดส่วน (Dilution) ของการถือหุ้นในธุรกิจ
.
แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ก่อตั้งธุรกิจจะต้องไม่ขายหุ้นให้นักลงทุนมากเกินไป จนสูญเสียอำนาจการติดสินใจ และการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต ซึ่งควรเน้นการถือหุ้นสามัญ (Common Share) เพื่อให้สามารถออกเสียงได้ รวมถึงควรทำสัญญาการซื้อขายหุ้นให้ชัดเจน และถือครองทรัพย์สินทางปัญญาในนามของบริษัท ไม่ใช่เป็นของคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ
.
การแบ่งหุ้นในสตาร์ทอัพอย่างเหมาะสม จะสร้างแรงจูงใจให้กับสมาชิกผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ ดึงดูดเครือข่ายนักลงทุน ช่วยแบ่งปันความเสี่ยงทางการเงิน กระจายความรับผิดชอบ ลดความขัดแย้ง และสร้างความโปร่งใสในธุรกิจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการวางแผนการเติบโตในระยะยาวและจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ✅
.
ใครที่อยากฝึกแบ่งหุ้น สามารถแบ่งหุ้นง่ายๆ โดย Search ว่า “Equity Split Calculator”
แล้วมาแชร์ผลลัพธ์ดูกันว่า ธุรกิจของเรา จะมีใครถือหุ้นมากที่สุดกันนะ 💸💸
.
ที่มา : Medium, Disrupt Technology Venture, Capbase
.
#88SANDBOX #Startup #Equity #Share