ในโลกของการทำสตาร์ทอัพ นอกจากไอเดียสุดสร้างสรรค์แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดจะขาดไปไม่ได้คือ “เงินทุน” ที่ต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อขยายโอกาสที่จะเติบโตและขยายธุรกิจต่อไปเพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในอนาคต รวมถึงมีการกำหนดมาตรฐานการชี้วัดธุรกิจว่ามีแนวโน้มอย่างไร
.
ดังนั้น สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จได้ จึงจำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะตัวเลขการเงินที่จำเป็นต้องรู้ไว้ เพื่อให้มีความเข้าใจในการสร้างสตาร์ทอัพให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน จะมีอะไรบ้าง 88 SANDBOX สรุปมาให้แล้ว ตามไปดูพร้อมกัน!
.
1. Customer Acquisition Cost (CAC) : ต้นทุนการได้ลูกค้า
ค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจต้องใช้เพื่อทำให้ผู้ซื้อเข้ามาใช้บริการ หรือซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเสนอขาย การโฆษณา การตลาด และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ซึ่ง CAC ใช้เป็นเครื่องมือในพัฒนากำไรบริษัท และเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนจากโฆษณา
.
วิธีการคำนวณหา CAC : ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการได้ลูกค้า / จำนวนลูกค้าที่ได้
Example : ถ้าธุรกิจ A ใช้เงินในการโฆษณา 10,000 บาท และได้รับลูกค้าใหม่จำนวน 100 คน ในระยะเวลา 1 เดือน แสดงว่า CAC ของธุรกิจคือ 100 บาทต่อลูกค้า 1 คน
.
2. Burn Rate : อัตราการเผาเงินทุน
เป็นค่าใช้จ่ายต่อเดือนช่วงที่บริษัทใช้เงินทุนที่ได้มาโดยยังไม่มีรายรับเข้ามา ซึ่งถือเป็นตัวชี้ชะตาว่าธุรกิจหรือสตาร์ทอัพจะคงอยู่ไปได้อีกกี่เดือน โดยจะคิดเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่ใช้ต่อเดือน ซึ่งจะเป็นการคำนวณระยะเวลาที่เหลือก่อนเงินทุนหมด
.
วิธีการคำนวณหา Burn Rate : ค่าใช้จ่ายต่อเดือน / เงินทุนที่มี = ระยะเวลาที่เหลือ (เดือน)
Example : ธุรกิจมีทุนอยู่ 500,000 บาท แต่มีค่าใช้จ่าย 100,000 บาทต่อเดือน แสดงว่ามีเวลาอยู่แค่ 5 เดือนก่อนเงินทุนหมด
.
3.Monthly Recurring Revenue (MRR) : รายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำต่อเดือน
รายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำต่อเดือน เพื่อประเมินอัตราการเติบโต และผลกระทบจากกรณีลูกค้ายกเลิกการเป็นสมาชิก ซึ่งส่วนมากใช้กับธุรกิจหรือสตาร์ทอัพที่ต้องมีการ Supcription หรือจ่ายแบบรายเดือน
.
วิธีการคำนวณหา Monthly Recurring Revenue (MRR) : จำนวนลูกค้าตามแผนรายเดือน X รายได้เฉลี่ยลูกค้าต่อลูกค้าหนึ่งคน = MRR
Example : ธุรกิจมีจำนวนลูกค้าที่สมัครแผนรายเดือนประมาณ 100 คน และมีรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า 1 คนประมาณ 199 บาท แสดงว่า MRR ของธุรกิจนี้จะอยู่ที่ 199,000 บาท
.
4.Churn Rate : อัตราการสูญเสียลูกค้า
เป็นอัตราที่เกิดจากการที่ลูกค้าเลิกซื้อหรือสนับสนุนบริการให้สินค้าในธุรกิจของเรา ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น คุณภาพสินค้าไม่ดี ถูกคู่แข่งตีตลาด หรือการปิดตัวของธุรกิจ ซึ่งธุรกิจสตาร์ทอัพที่ดีจะต้องพยายามลดอัตรา Churn Rate ลงให้น้อยที่สุด โดยจะเป็นการช่วยประเมินความพึงพอใจของลูกค้า และวิเคราะห์ถึงสาเหตุลูกค้าเลิกซื้อสินค้าเพื่อพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจให้ดีขึ้น
.
วิธีการคำนวณหา Churn Rate : จำนวนลูกค้าที่สูญเสีย / จำนวนลูกค้าทั้งหมด × 100%
Example : ธุรกิจมีคนเลิกซื้อสินค้า 50 คนจากทั้งหมด 200 คน แสดงว่าธุรกิจมี Churn Rate อยู่ที่ 25%
.
5.Cash Runway : ระยะเวลาที่ธุรกิจคงอยู่โดยไม่มีรายได้
หมายถึงการคำนวณระยะเวลาที่ธุรกิจหรือสตาร์ทอัพอยู่ได้โดยไม่มีรายได้เข้ามา ก่อนที่ธุรกิจจะมีเงินสดเป็นศูนย์ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีกระแสเงินสดในธุรกิจไว้ใช้สำรองในกรณีฉุกเฉิน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อต้องใช้เงินเร่งด่วนหรือแก้วิกฤตที่เกิดขึ้นในธุรกิจของเรา
.
วิธีการคำนวณหา Cash Runway : จำนวนเงินสดคงเหลือ / อัตราการเผาเงินทุน
Example : ธุรกิจมีเงินสดคงเหลือประมาณ 5 แสนบาท มี Burn Rate 1 แสนบาทต่อเดือน แสดงว่าธุรกิจจะคงอยู่ได้อีก 5 เดือนก่อนที่เงินสดจะหมดลง
.
#88SANDBOX #Startup #Financial